วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เมืองหลวง 10 ประเทศอาเซียน

   
        เมืองหลวงประเทศอาเซียน 10 ประทศ 
 

                  ประเทศไทย เมืองหลวงคือ กรุงเทพมหานคร (Bangkok)

   
      กรุงเทพมหานครตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศไทยบริเวณใกล้ปากแม่น้ำเจ้าพระยา มีพื้นที่ราว 1,569 ตารางกิโลเมตร มีคนอาศัยอยู่มากกว่า 10 ล้านคน (ทั้งแบบตามทะเบียนบ้านและแบบแรงงานย้ายถิ่น) กรุงเทพมหานครได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงของไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2325 โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 แห่งบรมราชจักรีวงศ์ โดยย้ายเมืองหลวงมาจากกรุงธนบุรี ซึ่งอยู่ฟากตรงข้าม มีแม่น้ำเจ้าพระยากั้นกลาง เนื่องจากกรุงเทพมหานคร (ชื่อเดิมคือจังหวัดพระนคร) มีชัยภูมิที่ดีกว่า ง่ายต่อการรักษาพระนครในกรณีถูกข้าศึกรุกราน ปัจจุบันกรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุน การบริหาราชการแผ่นดิน การเมืองการปกครองของประเทศไทย และยังแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกอีกด้วย กรุงเทพมหานครมีผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้บริหารสูงสุด

       ประเทศอินโดนีเซีย เมืองหลวงคือ กรุงจาการ์ตา (Jakarta)
     

     กรุงจาร์กาตาเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศอินโดนีเซีย เดิมชื่อว่าเมืองบาตาเวีย (Batavia) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะชวา มีพื้นที่ประมาณ 720 ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 13 ล้านคน ซึ่งนับว่าค่อนข้างหนาแน่น มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บริหารสูงสุดเช่นเดียวกับกรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่ทันสมัยและสวยงาม กรุงจาร์กาตาเป็นศูนย์กลางในทุกๆด้านของประเทศอินโดนีเซีย ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง แหล่งการศึกษา และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศอีกด้วย

                 ประเทศสิงคโปร์ เมืองหลวงคือ สิงคโปร์ (Singapore)


      ประเทศสิงคโปร์ไม่มีเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ โดยใช้พื้นที่ทั้งประเทศเป็นเมืองหลวงเนื่องจากเป็นประเทศที่เป็นเกาะขนาดเล็ก ตั้งอยู่บริเวณปลายแหลมมาลายู มีเนื้อที่เพียง 697 ตารางกิโลเมตร ประชากรราว 5,300,000 คน สิงคโปร์ถึงแม้จะไม่มีทรัพยากรอะไรเลย แต่ก็นับได้ว่าเป็นประเทศที่มีความเจริญเป็นอย่างมาก โดยเป็นศูนย์ทางด้านเศรษฐกิจ การเงินและการลงทุนของภูมิภาค และถึงแม้จะเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่ก็มีบริษัทต่างชาติมาตั้งสำนักงานจำนวนมากมาย มีสนามบินและระบบขนส่งภายในประเทศที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาค ประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้สูง มีแหล่งท่องเที่ยวมีเป็นจุดดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกมากมาย

      ประเทศบรูไนเมืองหลวงคือกรุงบันดาเสรีเบกาวัน (Bandar Seri Begawan)



       กรุงบันดา เสรี เบกาวัน อยู่ทางฝั่งตะวันออกของประเทศบรูไน โดยเป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของประเทศ เป็นเมืองหลวงที่มีเนื้อที่ขนาดเล็กมีเนื้อที่เพียง 100 ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 100,000 คน ในสมัยการล่าอาณานิคมของประเทศฝั่งยุโรป เมืองนี้เคยตกอยู่ใต้การยึดครองของประเทศอังกฤษ โดยถูกเรียกว่าเมืองบรูไน ก่อนจะกลับมาใช่ชื่อ บันดา เสรี เบกาวัน ภายหลังจากได้รับเอกราชจากอังกฤษแล้ว

    ประเทศพม่า เมืองหลวงคือ กรุงเนปิดอว์ (Naypyidaw)

    

       กรุงเนปิดอว์ถูกสถานปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงใหม่ของประเทศพม่าหรือเมียนม่าร์แทนกรุงย่างกุ้งที่เป็นเมืองหลวงเก่ามาอย่างยาวนาน เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2549 โดยพลเอกอาวุโสตาน ฉ่วย ผู้นำสูงสุดในขณะนั้น ด้วยเหตุผลหลักในด้านการบริหารประเทศได้ง่ายขึ้น เนื่องจากกรุงเนปิดอว์ตั้งอยู่ตรงกลางของประเทศพอดี ปัจจุบันกรุงเนปิดอว์ยังอยู่ในช่วงของการสร้างเมือง ถนนหนทาง แหล่งธุรกิจ โรงแรม ไม่ยังเสร็จสมบูรณ์นัก แต่ด้วยเหตุที่พม่าเพิ่งเปิดประเทศ (หลังจากปิดประเทศมาตั้งแต่สมัยทหารเข้ายึดอำนาจการปกครอง) จึงสามารถกล่าวได้ว่าในประเทศพม่านั้น ถนนทุกสาย นักลงทุนจากทั่วโลก กำลังมุ่งไปสู่กรุงเนปิดอว์ทั้งสิ้น



     ประเทศลาว เมืองหลวงคือ กรุงเวียงจันทน์ (Vientiane)


      เวียงจันทน์ หรือ นครหลวงเวียงจันทน์ ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศลาวในเขตลุ่มแม่น้ำโขง โดยอยู่ติดกับจังหวัดหนองคายของประเทศไทย เวียงจันทน์เป็นเมืองโบราณมีอายุมากกว่าหนึ่งพันปี โดยสถาปนาเป็นเมืองหลวงตั้งแต่สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชในราวพุทธศตวรรษที่ 15 เวียงจันทน์เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญที่สุดของประเทศลาว มีประชากรอยู่หนาแน่นที่สุด โดยมีประชากรราว 700,000 คน โดยในยุคการล่าอาณานิคม เวียงจันทน์เคยตกอยู่ภายใต้การยึดครองของประเทศฝรั่งเศส



          ประเทศเวียดนาม เมืองหลวงคือ กรุงฮานอย (Ha Noi)


      ฮานอยเดิมเป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนามเหนือ เมื่อเวียดนามเหนือได้รับชัยชนะในสงครามเวียดนามและได้รวมเวียดนามใต้เข้าเป็นส่วนหนึ่งแล้ว จึงสถาปนาให้ฮานอยเป็นเมืองหลวงของประเทศ (เดิมเมืองหลวงของเวียดนามใต้คือไซง่อน หรือเมืองโฮจิมินห์ในปัจจุบัน) กรุงฮานอยก็เช่นเดียวกับเมืองหลวงอื่นๆในอาเซียนที่เป็นเมืองใหญ่และเมืองสำคัญที่สุดของประเทศ เป็นศูยน์กลางการเมืองการปกครองของประเทศ แต่ในประเทศเวียดนามนั้น เมืองที่ใหญ่ที่สุดในด้านการค้า การลงทุน การอุตสาหกรรมและการขนส่งทางทะเลคือเมืองโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh) ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ

ประเทศมาเลเซีย เมืองหลวงคือ กรุงกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur)


      กรุงพนมเปญเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ราชธานีพนมเปญ ตั้งอยู่ทางตอนกลาง (ค่อนไปทางใต้ของประเทศ) มีเนื้อที่ 678 ตารางกิโลเมตร มีประชากรหนาแน่นราว 2,000,000 คน พนมเปญถือว่าเป็นเมืองใหญ่และสำคัญที่สุดของประเทศกัมพูชา เป็นศูนย์กลางการเมืองการปกครองและการบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงการลงทุนจากต่างประเทศ ในยุคล่าอาณานิคมพนมเปญตกอยู่ภายใต้การยึดครองของฝรั่งเศส และได้รับเอกราชเมื่อปี ค.ศ. 1953

ประเทศกัมพูชา เมืองหลวงคือ กรุงพนมเปญ (Phnom Penh)


    กรุงพนมเปญเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ราชธานีพนมเปญ ตั้งอยู่ทางตอนกลาง (ค่อนไปทางใต้ของประเทศ) มีเนื้อที่ 678 ตารางกิโลเมตร มีประชากรหนาแน่นราว 2,000,000 คน พนมเปญถือว่าเป็นเมืองใหญ่และสำคัญที่สุดของประเทศกัมพูชา เป็นศูนย์กลางการเมืองการปกครองและการบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงการลงทุนจากต่างประเทศ ในยุคล่าอาณานิคมพนมเปญตกอยู่ภายใต้การยึดครองของฝรั่งเศส และได้รับเอกราชเมื่อปี ค.ศ. 1953


    ประเทศฟิลิปปินส์ เมืองหลวงคือ กรุงมะนิลา (Manila)


       กรุงมะนิลาเมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดของประเทศ (จากจำนวนมากกว่า 7,000 เกาะ) เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การท่องเที่ยว การศึกษา และการอุตสหากรรมของประเทศ ตัวเมืองของกรุงมะนิลามีเนื้อที่เพียง 39 ตารางกิโลเมตร แต่มีประชากรมากถึง 1.7 ล้านคน แต่ถ้านับชานเมืองด้วยจะมีเนื้อที่ 1,475 ตารางกิโลเมตร แต่จะมีประชากรมากถึง 22 ล้านคน ซึ่งนับว่ามีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นมาก ในสมัยการล่าอาณานิคม กรุงมะนิลาตกอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศสเปนและอยู่ภายใต้การดูแลของประเทศสหรัฐอเมริการวม 400 ปี

    เมืองหลวงอาเซียนทั้ง 10 เมือง เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของแต่ละประเทศ เป็นศูนย์กลางการปกครอง การค้า การลงทุน การเงินการธนาคารของประเทศนั้นๆ มีข้อสังเกตุอยู่ข้อหนึ่งคือในความจริงแล้วประเทศสิงค์โปร์นั้นไม่มีเมืองหลวง เนื่องจากเป็นประเทศที่เล็กมาก จึงใช้ประเทศทั้งประเทศเป็นเมืองหลวงไปเลย ส่วนเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในอาเซียนคือกรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย

  ที่มา

https://aec.kapook.com/view51891.html




วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561

กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม

                               หุ่นยนต์ดูแลคนป่วยหรือผู้สูงอายุ

     
1. ขั้นระบุปัญหา (Problem Identification)
 ในปัจจุบันคนเราบางครั้งก็เกิดความขี้เกียจบ้าง มีงานที่ทำต้องมากมาย อาจจะดูแลคนหรือญาติพี่น้องของเราไม่ได้ จึงต้องพึ่งเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเรา ช่วยในการแบ่งเบาภาระของเราให้น้อยลง
และบางครั้งบางคราวที่แพทย์หรือพยาบาลไม่ว่างก็คงมีหุ่นยนต์เข้ามาช่วยงาน  เช่น การดูแลผู้ป่วยที่นอนอยู่   ดูแลผู้สูงอายุ   ช่วยในการผ่าตัดต่างๆ  และช่วยอยู่เป็นเพื่อนกับผู้สูงวัย

2.รวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา (Related Information Search)
   จากปัญหาที่พบในปัจจุบันเห็นว่าผู้สูงอายุไม่ค่อยสะดวกไปไหนมาไหนด้วยตนเอง จึงต้องจำเป็นอาศัยหลักของวิทยาศาตร์  คณิตศาตร์  และเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อคิดค้นและประดิษฐ์หุ่นยนต์เพือช่วยในการแก้ปัญหาของผู้สูงวัยที่จะเคลื่อนที่ในขณะที่อยู่ไม่สบาย   ทำให้ผู้สูงวัยพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น

3.ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา (Solution Design)
   เป็นหุ่นยนต์ตัวแรกของโลกที่มีรูปร่างคล้ายคน ขนาดเท่าคนจริง และแต่งกายแบบหมอ โดยมีส่วนอุปกรณ์หลัก เช่นการใช้เซนเซอรืในการทำงานของหุ่นยนต์ ช่วยหยิบจับสิ่งของให้กับคนในขณะที่ไม่อาจหยิบถึง  ถ้าหากเจ้าหุ่นยนต์ไม่ทำงาน
  


 4.วางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา (Planning and Development)

  •   วางแผนสำหรับการเกิดวัยผู้สูงอายุมากขึ้น
  •   หาสาเหตุของการเกิดวัยผู้วูงอายุมาก
  •   เตรียมรับมือกับการเป็นผู้สูงวัย
  •   เตรียมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เพื่อการประกอบหุ่นยนต์
  • วางแผนการสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมา




5.ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน (Testing, Evaluation and Design Improvement)

  • การที่มีหุ่นยนต์มาทำงานหรือมาดูแลคนป่วย ผุู้สูงอายุนั้นเป็นสิ่งใหม่ที่ดีมาก
  • ชิ้นงานหรือหุ่นยนต์นี้ สามารถใช้งานได้ตามต้องการ
  • มีประโยชน์และช่วยแบ่งเบาภาระ เช่น  ความสามารถในด้านการแพทย์  ช่วยแจกจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วย   ช่วยดุแลผู้ป่วย
  • อาจจะมีข้อบกพร่องบ้างบางจุด
  • หุ่นยนต์อาจไม่ทำงานตามที่ได้วางแผนไว้
6.นำเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน (Presentation)
  • หุ่นยนต์มีปัญหาในการตรวจจับภาพที่เป็นสีเพราะมันมีค่าผิดเพี้ยนค่อนข้างมากและบางภาพหุ่นยนต์ก็ไม่สามารถแยกสีออกได้  แนวทางการแก้ไข คือ ได้แก้ไขโปรแกรมหุ่นยนต์ให้ประมวลภาพที่เป็นสัญลักษณ์ที่แตกต่างแทนภาพที่เป็นสี ซึ่งจะทำให้ได้ความแม่นยำมากขึ้น
  • หุ่นยนต์มีความเร็วในการเดินต่ำ เนื่องจากได้สเต็ปปิ้งมอเตอร์ในการขับเคลื่อนหุ่นยนต์   แนวทางการแก้ไข คือได้เปลี่ยนจากสเต็ปปิ้งมอเตอร์ไปเป็นเซนเซอร์แทน








เสริม
ข้อดี
1.จะได้พนักงานที่ ไม่ขาด ไม่ลา ไม่สาย ทำงานเต็มประสิทธิภาพ
2.จะประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น ทั้งสวัสดิการต่างๆ เงินเดือน ต้นทุนจะลดลง กำไรสูงขึ้น
3.จ้างคนที่ทำงานดูและระบบ Maintenance หากระบบมีปัญหา ก็เพียงพอจะขับเคลื่อนบริษัทได้
4.อาชีพ ไอที จะมีค่าจ้างสูงขึ้น การแข่งขันกันมากขึ้น เพราะอาจจะมีอัตราจ้างต่อบริษัทจำนวนน้อย
ข้อเสีย
1.ขาดอาชีพ ขาดรายได้ จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม เพราะกำลังผลิตสูง แต่จะขายให้ใครได้ เพราะผู้บริโภคไม่มีกำลังในการซื้อ
2.จะเกิดการต่อต้านแน่นอน และอาชีพ ไอที จะอันตราย เพราะทำให้คนตกงานมากมาย อาจจะมีแรงเกลียดชังสูงขึ้น

ที่มาและภาพประกอบ:

https://www.engadget.com/2015/02/26/robear-japan-caregiver
http://www.riken.jp/en/pr/press/2015/20150223_2
http://www.bluefrogrobotics.com/en/buddy
http://thumbsup.in.th/2017/07/sansiri-transformation
https://twitter.com/Thavisin
https://asia.nikkei.com/Tech-Science/Tech/Docomo-s-drones-gear-up-for-island-deliveries
https://newatlas.com/7-eleven-drone-delivery/44513
https://www.ft.com/content/418ffd08-9e10-11e7-8b50-0b9f565a23e1
http://www.dinsow.com/dinsow-lll.html
https://theconversation.com/how-robots-could-help-bridge-the-elder-care-gap-82125?xid=PS_smithsonian
https://www.softbank.jp/robot/special/pepper
http://thumbsup.in.th/2017/07/sansiri-transformation





ประวัติขอลไพทอน

                                                                                             ประวัติความเป็นมาของ Python ...